x
Submitted by CUEDU_PR on 14 August 2020
ธรรมะดีๆ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม 2563 เรื่องการอยู่กับตัวเอง
ถ่ายทอดโดย รศ.ดร.สุชาดร บวรกิติวงศ์
 
คนยุคนี้ชอบเคลื่อนไหวตลอดเวลา อยู่นิ่งๆ เงียบๆไม่ได้ เมื่อต้องอยู่นิ่ง ๆ แทนที่จะมีความสงบสุข กลับรู้สึกเหงา ว้าเหว่หากต้องอยู่นิ่งๆ จะรู้สึกเคอะเขิน ต้องหาอะไรทำ คุ้นชินกับความวุ่นวาย หาความสุขแท้จริงได้ยาก มีเพื่อนทางเนตมากแต่ขาดเพื่อนแท้ที่มีความจริงใจ เพื่อนทางเนตมักจะมีแต่การแสดงความคิดเห็นและล้วนเป็นความเห็นของตนเองโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นเท่าที่ควร เป็นสังคมฉาบฉวยจอมปลอม มีแต่ความสุขในระบบคอมพิวเตอร์ชั่วคราว เป็นความสุขที่ต้องอาศัยปัจจัยภายนอก สุขจากไซเบอร์ วันใดเนตเสียจะหงุดหงิดจนเกินเหตุเป็นชีวิตที่พึ่งพิงปัจจัยภายนอก มนุษย์กำลังมุ่งสู่ทางเดินที่ตรงกันข้ามกับที่พระพุทธเจ้าสอน พระองค์สอนให้มีชีวิตแบบอิสระจากทุกสิ่ง เพราะความสุขคือความเป็นอิสระที่มี เป็นชีวิตที่ไม่พึ่งพิงอะไร ไม่ยึดอะไร ไม่ผูกติดกับอะไร สอนให้มีความสุขจากภายใน สุขจากการกระทำของตนเอง เป็นความรู้สึกที่มีในตนเอง ไม่ต้องไปหาจากที่ไหน
 
ขณะนั่งเรียนหากมีเสียงโทรศัพท์ของคนอื่นดัง จะนึกตำหนิเจ้าของโทรศัพท์ทันทีเพราะสร้างความรำคาญเหลือเกิน แต่หากเป็นของตนเองดัง กลับไม่รู้สึกอะไรเลย พระองค์ทรงสอนว่าเสียงเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย ทนสักนิดเดี๋ยวก็จะดับไป ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ หมดเหตุก็ดับ อย่าคิดว่าเป็นของเขาหรือของเรา เพราะเมื่อไรก็ตามที่มีของเขา เมื่อนั้นจะมีของเราทันที การมีตัวตนมีเขามีเรา มีของเขามีของเรา จะทุกข์ทันที ความทุกข์เกิดง่าย เกิดไม่จบเพราะความยึดมั่นในความคิดหรือความเห็นของตนเอง หยุดสร้างทุกข์ให้ตัวเอง เหตุการณ์จบแล้วแต่ยังกลับไปยึดมันขึ้นมาอีก
คนเดินกลางแดดสองคน คนหนึ่งบ่นว่าร้อนตลอดเวลา อีกคนไม่บ่นและคิดว่ามันก็ร้อนของมันอย่างนั้นเอง ทำไมบางคนมีทุกข์ในขณะที่อีกคนไม่มี ทั้งๆที่เดินมาด้วยกัน หลายคนเลือกคิดแบบนำทุกข์มาใส่ตนเอง เรียกว่ามีทุกข์แบบไม่จำเป็น
 
การเดินจงกลมก็คือการเดินในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องแยกว่าจะเดินจงกลม จะปฏิบัติธรรม จริงๆแล้วการปฏิบัติก็ทำพร้อมกันในชีวิตจริงนั่นเอง การรู้ลมก็ไม่ต้องแยกว่าต่อไปจะนั่งสมาธิดูลม ดูลมได้ตลอดเวลาที่นึกได้ที่บ้าน ที่ทำงาน บนรถ การเจริญมรรคก็เหมือนกันทำให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน เจริญมรรคให้เหมือนแม่ไก่กกไข่ จะคลอดวันไหนก็ช่าง ตั้งใจกกไข่ให้ดี การปฏิบัติคือการทำเหตุให้ดี จนเป็นปกติ ไม่ต้องรอไปปฏิบัติที่วัด ที่ไหนๆก็ปฏิบัติได้ตลอดเวลา
 
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันก็ทำงานของมันตามกระบวนการธรรมชาติโดยเราไม่ได้สั่ง ไม่มีใครสั่ง มันทำของมันเอง เช่นการกระพริบตา การหายใจ การได้กลิ่น เพราะอยากและยึดทำให้มนุษย์สร้างทุกข์ด้วยจิตปรุงแต่งไปเอง สร้างทุกข์ให้ตนเอง ความจริงปรุงให้สุขก็ได้ ปรุงให้ไม่ทุกข์ก็ได้ แต่มนุษย์มักเลือกปรุงให้ทุกข์ ความเป็นอริยะคือความไม่เถื่อน ลดความเถื่อนทางกาย วาจา ใจลง ก็มีความอริยะ อริยะคือไม่เถื่อน
 
ควรหาเวลาอยู่กับลมหายใจ การอยู่กับโลกก่อภพชาติไม่สิ้นสุด ทันทีที่ดูลม ภพจะถูกทำลายทันที ทุกสิ่งที่เกิดเป็นโลกแห่งการปรุงแต่ง ต่างคนก็เลือกปรุงแต่งกันไป การคิดของแต่ละคนคือโลกของแต่ละคน จะปรุงให้สุขหรือทุกข์อยู่ที่เรา เรามองดูโลกภายใต้กรอบความคิดของเราเสมอ หัดอยู่กับตัวเอง พระองค์ทรงกล่าวว่าความสุขยิ่งกว่าความสงบเป็นไม่มี อยู่กับโลก กระแสโลกมีแต่ความวุ่นวาย ฝึกให้คุ้นกับการอยู่คนเดียว ยิ่งสงบมาก ยิ่งสุขมาก การพ้นจากกระแสโลกเป็นสุข อย่าไปยุ่งกับชีวิตคนอื่น เอาตัวเองให้รอด ใช้ขันธ์ห้าที่ได้มาให้เป็นประโยชน์สูงสุด หลวงปู่แบนเคยพูดว่าอะไรในโลกดีแค่ไหนก็ไม่เอา จิตใจสะอาดบริสุทธิ์อยู่ที่ไหนก็บริสุทธิ์ สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ทุกวันตาก็คู่เดิม หูก็อันเดิม ใจก็อันเดิม คือคนอยู่ไปวันๆ ไม่มีการพัฒนา อย่าคิดว่าตนเองเกิดเป็นหญิงทำให้ไม่มีบุญวาสนาเหมือนผู้ชายที่บวชได้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็มีขันธ์ห้าเหมือนกัน มีจิตใจเหมือนกัน มีตาหูจมูกลิ้นกายใจเหมือนกัน สามารถเข้าถึงธรรมเหมือนกัน ปฏิบัติได้เท่ากันคือเพียรทางใจ ฆราวาสก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ อยู่ตรงไหนก็ขจัดกิเลสในใจได้ คำว่าพระในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการบวชกาย นุ่งจีวรแล้วเรียกพระ พระองค์เรียกทุกคนที่บรรลุธรรมว่าเป็นพระ คือเป็นผู้มีจิตใจเป็นพระ
ให้วกกลับมาดูที่ตัวเอง เพียงแค่สิ่งเกิดดับ อย่ามัวยุ่งกับการหาเงินมากจนเกินไป เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา
 
สาธุ